10/04/2009
นิมิตหมายอันดี (รึเปล่า) วันนี้ไม่ต้องทำงาน เตรียมตัวเดินทาง นัด chicky ไว้ที่หน่วย แต่กว่าจะลงตัวเรื่องจุดขึ้นรถ
พี่เสื้อแดงทำให้ต้องเปลี่ยนหลายตลบ ก็นะ... พี่เขาทำเพื่อประชาธิปไตย holy shit man !!
กลัวรถติด เลยไปรากงอกที่เชียร์รังสิตกว่าพี่มิลค์ (ไกด์ของ trip นี้) และลูกทัวร์อื่นๆ จะมา (
แหะๆๆ ยังไม่ออกจาก กทม.เลย นู๋นันกะchicky ก็ shopping ซะแล้ว)เพื่อนร่วมคณะทั้ง 10 คน
เป็นครอบครัวเดียวกัน กลายเป็นนู๋นันกะ chicky เข้าร่วมครอบครัว
11/04/2009
กินข้าวเช้าที่หนองคาย (ไข่กระทะ สงสัยเป็นอาหารประจำจังหวัด) นัดเจอน้องบัว (ไกด์ลาว) ที่ด่านหนองคาย
จากนั้นมุ่งหน้าสู่เวียงจันทน์
ถึงที่หมายได้ไปไหว้วัดพระธาตุหลวง-ศาสนสถานที่สำคัญของชาวลาวเป็นที่แรก
และไปต่อที่อนุสาวรีย์ประตูชัยที่อยู่ใกล้ๆ กัน
สร้างไว้เพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาวที่ร่วมต่อสู้ก่อนการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์..
ทุกประเทศย่อมมีการเปลี่ยนแปลงและใช้เลือดทาแผ่นดิน (อนุชนพึ่งสำนึกนะ)????
จากนั้นแวะหอพระแก้วที่สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระแก้วมรกต แต่ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ นู๋นันกะ chicky ก็ไหว้พระขอพรตามธรรมเนียม ขอบอกว่า chicky ลั๊นลา สุดๆ
เที่ยงแว้ว ว ว...แวะพักกินข้าวที่ภัตตาคารแม่น้ำโขง โทรรายงานตัวท่านพ่อ
(ใช้โทรศัพท์ GSM ได้ชัดแจ๋ว) และเดินทางต่ออย่างหวาดเสียวสู่วังเวียง(แน่นอนว่าหลับระหว่างทาง ฮ่าๆๆๆ)
เข้าที่พักในวังเวียง ดูข่าวแล้วจี๊ด ด ด ....พอแดดร่มลมตกเลยออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่สะพานข้ามแม่น้ำ
จ่ายตังค์คนละ 5 พันกีบ) และกินข้าวเย็นท่ามกลางหุบเขาและสายฝน (เข้าห้องดูข่าวและเครียดกับสถานการณ์บ้านเราต่อ เฮ้อ..)
12/04/2009
เช้าตรู่เดินทางต่อสู่หลวงพระบางเมืองมรดกโลก แวะถ่ายรูปที่ผาตั้ง สัญลักษณ์ของวังเวียง (เส้นทางวังเวียง-หลวงพระบาง น่ากลัวมาก เสียวกว่าเมื่อวานอีก ดีนะที่เคยไปเหนือมาแล้วอย่างโชกโชน ขอบคุณ สปก.)
บ่ายกว่าถึงหลวงพระบางกินข้าวที่โรงแรมวังทอง และไปย่อยอาหารกลางวันที่ตาดกวงซี (น้ำตก) ---
แน่นอนว่า chicky ก็ยังชื่นบาน สนุกสนานกะธรรมชาติ สายลม ขุนเขา อืม!! พี่เขาคุ้มจริงๆ ....
กลับไปพักผ่อนในที่พัก ก็ยังอดดูข่าวไม่ได้ง่ะ (เครียดว่ะ)...เย็นย่ำ ขึ้นพระธาตุพูสี 328 ขั้น
ขาสั่นเหมือนกันแฮะ สงสัยต้องออกกำลังกายอย่างจริงจังซะที..ฮึๆๆ ( chicky เดินลิ่วๆๆๆ )
นู๋นันขาลากแล้ว (พี่ milky แอบกระซิบความลับว่าไม่เคยขึ้นพูสีเลย ครั้งแรกนะเนี่ย!!! แป่ว ว ว)
กินข้าวเย็นเสร็จ ก็แยกย้ายตามอัธยาสัย และแน่นอนว่านู๋นันและ chicky ต้องออกไปลั๊นลากันที่ตลาดมืด
และแน่นอนว่าเสียตังค์คั๊บ (แหะๆ 2 คนก็เปรี้ยวกันได้) กลับห้องพัก โอว ว วว์ น้ำไม่ไหล กว่าจะได้อาบน้ำ 4 ทุ่มก๊าบ
หลับไปท่ามกลางข่าวการปิดด่าน (ดี ไม่ต้องกลับบ้าน)
13/04/2009
เช้าตรู่ milky clock (นาฬิกายี่ห้อใหม่ ถ่ายรูป เสิร์ฟข้าว นำเที่ยวในเวลาเดียวกัน) ใส่บาตร ตามวิถีของคนที่นี่ใส่แต่ข้าวเหนียว(จกมือเป็นระวิง) ส่วนกับข้าวชาวบ้านจะไปถวายที่วัด (คนไทยทำวัฒนธรรมลาวเสียง่ะ..ใส่ตังค์ มาม่า ทิวลี่ และอื่นๆ ลงไป พระก็ต้องฉันข้าวเหนียวในบาตร สกปรกง่ะ)
ต่อด้วยเดินชมตลาด กินแหนมข้าว (พี่ milky บอกว่าอร่อยเลยลอง..ก็อร่อยนะ แป้งเหมือนข้าวเกรียบปากหม้อ ไส้เหมือนกุ้ยช่าย)จากนั้นออกนอกเมืองมุ่งสู่หมู่บ้านช่างไห ชาวบ้านที่นี่หมักสาโทและเหล้าขาย (เมืองไทยไม่สามารถ เพราะผิดกฎหมาย
..เฮ้อรัฐบาลไทยเห็นแก่นายทุนมากกว่าประชาชนง่ะ) ลงเรือชมน้ำโขงและถ้ำติ่ง (สูงชันอีกแว้ว พี่น้อง)
เสร็จแล้วเดินทางเข้าเมือง- - - แดดแสบผิวสุดๆ ที่นี่ก็เล่นสังขาร (ก็วันสงกรานต์ แหละ) สาดกระหน่ำเหมือนกัน..สาเหตุที่น้ำไม่ไหลง่ะ ที่แรกในเมือง ไปวัดเชียงทอง (สถานที่ถ่ายทำสะบายดีหลวงพระบาง วัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวหลวงพระบาง (แดดร้อนมาก แต่รูปสวยมาก ขอบอก)
ต่อด้วยพระราชวังเก่า ที่เป็นวังเดิมของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ซึ่งภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2518 ก็ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ ได้กราบนมัสการพระบาง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองและเป็นที่มาของชื่อหลวงพระบาง ซึ่งทำด้วยทองคำ 90% (คนที่นี่เรียก “ทอง” ว่า “คำ” และทองคำก็คือทองแดง)จากนั้นไปต่อที่วัดวิชุนราช ที่ประดิษฐานพระบางเดิม ปัจจุบันมีพระแก้วจำลองประดิษฐาน แอบเซียมซี(แป่ว ว ว..อ่านไม่ออก) ให้น้องบัวแปล ฮือๆๆ โชคไม่ดีเลยเก็บไว้ที่เดิม..วัดแห่งนี้มีพระธาตุหมากโม รูปทรงคล้ายแตงโมคว่ำเป็นสัญลักษณ์สำคัญ (แบตกล้องหมดอ่ะ รอรูปที่พี่ milky ล่ะกัน)
อืม..สังเกตว่าสถาปัตยกรรมของลาวจะค่อนข้างเรียบง่าย วิถีชีวิตของคนที่นี่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเรียบง่ายอยู่
เย็นย่ำ ไปย่อยอาหารและละลายเงินที่ตลาดมืดกะ chicky เช่นเดิม ราคาของบางอย่างต่อรองกันได้ครึ่งๆ ใช้ได้ทั้งเงินกีบและเงินบาท (คำขวัญของลาวที่เห็นทั่วมุมถนน “อยู่เมืองลาว ใช้เงินกีบ” ชาตินิยมดีจัง)...
กลับที่พัก...น้ำไม่ไหลเหมือนเดิม..เฮ้อ
14/04/2009
milky clock เช่นเคย รวมพลเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับตามเส้นทางเดิม ถึงด่านหนองคายประมาณ 1630 ปล่อย shopping ใน duty free (ได้ข่าวดีว่าเมืองไทยสงบแล้ว และหยุดต่ออีก 2 วัน ไชโย!!) กินข้าวเย็นเสร็จก็บึ่ง เข้า กทม.(คนขับเจ๋งมาก คนเดียวตลอดทาง สามารถจริงๆ)
15/04/2009
เข้าเขตวังน้อยแว้ว ว ว..แต่ เอ่อ...รถเสียกั๊บพี่น้อง โชคดีมีรถตู้อีกคันมารับไป เลยแยกย้ายกันไป (สงสารพี่แดง อยู่เฝ้ารถคนเดียว) ... ลากันไม่ค่อยสวยเนาะ
แต่ สุดท้าย สรุปว่า- - ไปลาวคราวนี้ประทับใจ....เริ่มตั้งแต่
- ไกด์ พี่ milky กะน้องบัว take care ดีมาก ก ก(ที่สุด)
- เพื่อนร่วมทางน่ารัก (happy family มากที่สุด ด ด)
- คนขับรถเก่งมาก คนเดียวยิงยาวตลอด (อึดสุด ๆ )
- วิวสวย เส้นทางเสียว ธรรมชาติ อยู่หลวงพระบาง (เมืองมรดกโลก) 2 คืน สัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตง่ายๆ ไม่เร่งรีบ
- ที่สำคัญฝรั่งหล่อ (ไม่ได้กินดมกลิ่นก็ยังดี)
แฮะๆๆ..สรุปว่าดีทู้ก ก อย่าง จร้า..กะลังวางแผนไปเวียดนามต่อ อิ อิ ...เที่ยวจัง ตังค์หมดตูด- -นู๋นันกั๊บ..
นิมิตหมายอันดี (รึเปล่า) วันนี้ไม่ต้องทำงาน เตรียมตัวเดินทาง นัด chicky ไว้ที่หน่วย แต่กว่าจะลงตัวเรื่องจุดขึ้นรถ
พี่เสื้อแดงทำให้ต้องเปลี่ยนหลายตลบ ก็นะ... พี่เขาทำเพื่อประชาธิปไตย holy shit man !!
กลัวรถติด เลยไปรากงอกที่เชียร์รังสิตกว่าพี่มิลค์ (ไกด์ของ trip นี้) และลูกทัวร์อื่นๆ จะมา (
แหะๆๆ ยังไม่ออกจาก กทม.เลย นู๋นันกะchicky ก็ shopping ซะแล้ว)เพื่อนร่วมคณะทั้ง 10 คน
เป็นครอบครัวเดียวกัน กลายเป็นนู๋นันกะ chicky เข้าร่วมครอบครัว
11/04/2009
กินข้าวเช้าที่หนองคาย (ไข่กระทะ สงสัยเป็นอาหารประจำจังหวัด) นัดเจอน้องบัว (ไกด์ลาว) ที่ด่านหนองคาย
จากนั้นมุ่งหน้าสู่เวียงจันทน์

และไปต่อที่อนุสาวรีย์ประตูชัยที่อยู่ใกล้ๆ กัน

สร้างไว้เพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาวที่ร่วมต่อสู้ก่อนการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์..
ทุกประเทศย่อมมีการเปลี่ยนแปลงและใช้เลือดทาแผ่นดิน (อนุชนพึ่งสำนึกนะ)????
จากนั้นแวะหอพระแก้วที่สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระแก้วมรกต แต่ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ นู๋นันกะ chicky ก็ไหว้พระขอพรตามธรรมเนียม ขอบอกว่า chicky ลั๊นลา สุดๆ
เที่ยงแว้ว ว ว...แวะพักกินข้าวที่ภัตตาคารแม่น้ำโขง โทรรายงานตัวท่านพ่อ
(ใช้โทรศัพท์ GSM ได้ชัดแจ๋ว) และเดินทางต่ออย่างหวาดเสียวสู่วังเวียง(แน่นอนว่าหลับระหว่างทาง ฮ่าๆๆๆ)
เข้าที่พักในวังเวียง ดูข่าวแล้วจี๊ด ด ด ....พอแดดร่มลมตกเลยออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่สะพานข้ามแม่น้ำ
จ่ายตังค์คนละ 5 พันกีบ) และกินข้าวเย็นท่ามกลางหุบเขาและสายฝน (เข้าห้องดูข่าวและเครียดกับสถานการณ์บ้านเราต่อ เฮ้อ..)
12/04/2009
เช้าตรู่เดินทางต่อสู่หลวงพระบางเมืองมรดกโลก แวะถ่ายรูปที่ผาตั้ง สัญลักษณ์ของวังเวียง (เส้นทางวังเวียง-หลวงพระบาง น่ากลัวมาก เสียวกว่าเมื่อวานอีก ดีนะที่เคยไปเหนือมาแล้วอย่างโชกโชน ขอบคุณ สปก.)
บ่ายกว่าถึงหลวงพระบางกินข้าวที่โรงแรมวังทอง และไปย่อยอาหารกลางวันที่ตาดกวงซี (น้ำตก) ---

แน่นอนว่า chicky ก็ยังชื่นบาน สนุกสนานกะธรรมชาติ สายลม ขุนเขา อืม!! พี่เขาคุ้มจริงๆ ....
กลับไปพักผ่อนในที่พัก ก็ยังอดดูข่าวไม่ได้ง่ะ (เครียดว่ะ)...เย็นย่ำ ขึ้นพระธาตุพูสี 328 ขั้น
ขาสั่นเหมือนกันแฮะ สงสัยต้องออกกำลังกายอย่างจริงจังซะที..ฮึๆๆ ( chicky เดินลิ่วๆๆๆ )
นู๋นันขาลากแล้ว (พี่ milky แอบกระซิบความลับว่าไม่เคยขึ้นพูสีเลย ครั้งแรกนะเนี่ย!!! แป่ว ว ว)
กินข้าวเย็นเสร็จ ก็แยกย้ายตามอัธยาสัย และแน่นอนว่านู๋นันและ chicky ต้องออกไปลั๊นลากันที่ตลาดมืด
และแน่นอนว่าเสียตังค์คั๊บ (แหะๆ 2 คนก็เปรี้ยวกันได้) กลับห้องพัก โอว ว วว์ น้ำไม่ไหล กว่าจะได้อาบน้ำ 4 ทุ่มก๊าบ
หลับไปท่ามกลางข่าวการปิดด่าน (ดี ไม่ต้องกลับบ้าน)
13/04/2009
เช้าตรู่ milky clock (นาฬิกายี่ห้อใหม่ ถ่ายรูป เสิร์ฟข้าว นำเที่ยวในเวลาเดียวกัน) ใส่บาตร ตามวิถีของคนที่นี่ใส่แต่ข้าวเหนียว(จกมือเป็นระวิง) ส่วนกับข้าวชาวบ้านจะไปถวายที่วัด (คนไทยทำวัฒนธรรมลาวเสียง่ะ..ใส่ตังค์ มาม่า ทิวลี่ และอื่นๆ ลงไป พระก็ต้องฉันข้าวเหนียวในบาตร สกปรกง่ะ)

ต่อด้วยเดินชมตลาด กินแหนมข้าว (พี่ milky บอกว่าอร่อยเลยลอง..ก็อร่อยนะ แป้งเหมือนข้าวเกรียบปากหม้อ ไส้เหมือนกุ้ยช่าย)จากนั้นออกนอกเมืองมุ่งสู่หมู่บ้านช่างไห ชาวบ้านที่นี่หมักสาโทและเหล้าขาย (เมืองไทยไม่สามารถ เพราะผิดกฎหมาย
..เฮ้อรัฐบาลไทยเห็นแก่นายทุนมากกว่าประชาชนง่ะ) ลงเรือชมน้ำโขงและถ้ำติ่ง (สูงชันอีกแว้ว พี่น้อง)
เสร็จแล้วเดินทางเข้าเมือง- - - แดดแสบผิวสุดๆ ที่นี่ก็เล่นสังขาร (ก็วันสงกรานต์ แหละ) สาดกระหน่ำเหมือนกัน..สาเหตุที่น้ำไม่ไหลง่ะ ที่แรกในเมือง ไปวัดเชียงทอง (สถานที่ถ่ายทำสะบายดีหลวงพระบาง วัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวหลวงพระบาง (แดดร้อนมาก แต่รูปสวยมาก ขอบอก)

ต่อด้วยพระราชวังเก่า ที่เป็นวังเดิมของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ซึ่งภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2518 ก็ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ ได้กราบนมัสการพระบาง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองและเป็นที่มาของชื่อหลวงพระบาง ซึ่งทำด้วยทองคำ 90% (คนที่นี่เรียก “ทอง” ว่า “คำ” และทองคำก็คือทองแดง)จากนั้นไปต่อที่วัดวิชุนราช ที่ประดิษฐานพระบางเดิม ปัจจุบันมีพระแก้วจำลองประดิษฐาน แอบเซียมซี(แป่ว ว ว..อ่านไม่ออก) ให้น้องบัวแปล ฮือๆๆ โชคไม่ดีเลยเก็บไว้ที่เดิม..วัดแห่งนี้มีพระธาตุหมากโม รูปทรงคล้ายแตงโมคว่ำเป็นสัญลักษณ์สำคัญ (แบตกล้องหมดอ่ะ รอรูปที่พี่ milky ล่ะกัน)
อืม..สังเกตว่าสถาปัตยกรรมของลาวจะค่อนข้างเรียบง่าย วิถีชีวิตของคนที่นี่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเรียบง่ายอยู่
เย็นย่ำ ไปย่อยอาหารและละลายเงินที่ตลาดมืดกะ chicky เช่นเดิม ราคาของบางอย่างต่อรองกันได้ครึ่งๆ ใช้ได้ทั้งเงินกีบและเงินบาท (คำขวัญของลาวที่เห็นทั่วมุมถนน “อยู่เมืองลาว ใช้เงินกีบ” ชาตินิยมดีจัง)...
กลับที่พัก...น้ำไม่ไหลเหมือนเดิม..เฮ้อ
14/04/2009
milky clock เช่นเคย รวมพลเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับตามเส้นทางเดิม ถึงด่านหนองคายประมาณ 1630 ปล่อย shopping ใน duty free (ได้ข่าวดีว่าเมืองไทยสงบแล้ว และหยุดต่ออีก 2 วัน ไชโย!!) กินข้าวเย็นเสร็จก็บึ่ง เข้า กทม.(คนขับเจ๋งมาก คนเดียวตลอดทาง สามารถจริงๆ)
15/04/2009
เข้าเขตวังน้อยแว้ว ว ว..แต่ เอ่อ...รถเสียกั๊บพี่น้อง โชคดีมีรถตู้อีกคันมารับไป เลยแยกย้ายกันไป (สงสารพี่แดง อยู่เฝ้ารถคนเดียว) ... ลากันไม่ค่อยสวยเนาะ
แต่ สุดท้าย สรุปว่า- - ไปลาวคราวนี้ประทับใจ....เริ่มตั้งแต่
- ไกด์ พี่ milky กะน้องบัว take care ดีมาก ก ก(ที่สุด)
- เพื่อนร่วมทางน่ารัก (happy family มากที่สุด ด ด)
- คนขับรถเก่งมาก คนเดียวยิงยาวตลอด (อึดสุด ๆ )
- วิวสวย เส้นทางเสียว ธรรมชาติ อยู่หลวงพระบาง (เมืองมรดกโลก) 2 คืน สัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตง่ายๆ ไม่เร่งรีบ
- ที่สำคัญฝรั่งหล่อ (ไม่ได้กินดมกลิ่นก็ยังดี)
แฮะๆๆ..สรุปว่าดีทู้ก ก อย่าง จร้า..กะลังวางแผนไปเวียดนามต่อ อิ อิ ...เที่ยวจัง ตังค์หมดตูด- -นู๋นันกั๊บ..